User-agent: * Allow: / นิทานเซน Zentale

วันพุธที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ที่มาของ เซน เซ็น หรือ Zen



พุทธศาสนานิกายเซ็นเป็นพุทธศาสนานิกายหนึ่งที่พัฒนาขึ้นในดินแดนจีนช่วงคริสต์ศตวรรษที่ และ โดยการผสมผสานแนวคิดของพุทธศาสนาฝ่ายมหายานจากอินเดีย และปรัชญาเต๋าในจีน


 คำว่า “เซ็น”หรือ เซน (Zen) นี้มีรากศัพท์มาจากภาษาสันสฤตว่า “ธยานะ” (Dhyana) และภาษาบาลีว่า ฌาน” (Jhana) ที่แปลว่า “สมาธิ” 


เมื่อพุทธศาสนาเผยแพร่สู่ดินแดนจีน ชาวจีนได้ออกเสียง “ฉาน” (Ch’an) ต่อมาจึงพัฒนาเป็นพุทธศาสนานิกายฉาน และดินแดนญี่ปุ่นได้รับอิทธิพลของแนวคิดนิกายฉานนี้เข้ามา


 ที่เรียกเป็นพุทธศาสนานิกายเซ็นก็เพราะชาวญี่ปุ่นออกเสียงคำว่า “ฉาน” เป็น “เซ็น ต่อมาพุทธศาสนานิกายนี้ได้พัฒนาออกไปเป็นหลายสำนักแต่มีแนวคิดหลักร่วมกัน คือ เป็นพุทธศาสนาที่เน้นการปฏิบัติสมาธิ 



จุดกำเนิดของแนวคิดนิกายเซ็นมีมาแต่ครั้งพุทธกาลจากพระสูตรที่ว่าด้วยปัญหาที่ ท้าวมหาพรหมทูลถามพระพุทธองค์ ดังเนื้อความต่อไปนี้

 

สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับ ณ ภูเขาคิชกูฎ ท้าวมหาพรหมได้มาถวายดอกไม้เป็นพุทธบูชา แล้วนั่งลงกราบทูลให้ทรงแสดงธรรม  พระตถาคตจึงได้ทรงแสดงโดยการชูดอกไม้ขึ้น ณ ท่ามกลางสันนิบาต แล้วมิได้ตรัสอะไร ในขณะนั้น ปวงเทพและมนุษย์ทั้งหลายต่างไม่เข้าใจในความหมาย มีแต่พระมหากัสสปะยิ้มน้อยๆ อยู่  พระโลกนาถเจ้าจึงตรัสว่า ตถาคตมีธรรมจักษุอันถูกตรงพระนิพพานและจิตที่เยี่ยม ภาวะที่แท้จริงย่อมไม่มีลักษณะ มอบให้แก่มหากัสสปะแล้ว

(ทวีวัฒน์ ปุณฑริกวิวัฒน์, 2530: 9-10)

จากการที่พระมหากัสสปะผู้มีความเป็นเลิศในทางปัญญา ได้รับสังฆาฏิจีวรของพระพุทธองค์ 

จากจุดนี้ทำให้เกิดธรรมเนียมการส่งมอบ จีวร สังฆาฏิ และบาตร ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ในการสืบทอดตำแหน่งพระสังฆปรินายกของนิกายเซ็น

 ถ้าถือตามพระสูตรนี้จะถือได้ว่า พระมหากัสสปะเป็นพระสังฆปรินายกองค์ที่ ในอินเดียและมีการสืบต่อกันมาจนกระทั่งถึงพระสังฆปรินายกองค์ที่ 28 ซึ่งก็คือ พระโพธิธรรม (Bodhidharma) 

ท่านได้นำุทธธรรมเข้ามาเผยแพร่ในดินแดนจีน โดยสั่งสอนธรรมให้กับท่านฮุ่ยเคอ (Hui c’o) พุทธศาสนานิกายเซ็นในดินแดนจีนจะนับพระโพธิธรรมว่าเป็นพระสังฆปรินายกองค์ที่

จากนั้นได้มีการสืบทอดตำแหน่งเรื่อยมา จนถึงสมัยของพระสังฆปรินายกองค์ที่ คือ ท่านฮุ้ยเน้ง (Hui – neng) หรือ ท่านเว่ยหลาง (.. 638 - 713) 

หลังจากนี้พุทธศาสนานิกายเซ็นได้แตกออกเป็น สาขาใหญ่ ได้แก่ เว่ยหยาง (Wen – Yang) หยุนเหมิน (Yun – Men) ฟาเหยน (Fa – Yen) เฉาต้ง (Ts’ao – Tung) และ หลินฉี (Lin – Chi)

 สาขาที่สำคัญและได้รับการสืบทอดมาจนทุกวันนี้ มีเพียง สาขา คือ เฉาต้ง และ หลินฉี พุทธศาสนาทั้ง สาขานี้เองที่ดินแดนญี่ปุ่นรับเข้ามาในสมัย คะมะกุระ (Kamakura .. 1185 - 1333) ท่านเอะอิไซ ( Eisai .. 1141 - 1215) เป็นผู้ก่อตั้ง โดยนำแนวคิดจากสายหลินฉี มาเผยแพร่ เรียกว่า นิกาย “รินไซเซ็น” (Rinzai Zen) 

สำนักนี้เน้นการรู้แจ้งอย่างฉับพลันโดยอาศัยปริศนาธรรม เพื่อให้เกิดความสงสัยอย่างต่อเนื่องในจิต จนกระทั่งถึงที่สุดก็จะบรรลุสู่ความรู้แจ้งอย่างฉับพลัน

 กล่าวคือ การปฏิบัติธรรมกับผลที่ได้จากการปฏิบัติธรรมเป็นคนละส่วนกัน โดยอาศัยปริศนาธรรมเป็นวิธีที่นำไปสู่การบรรลุธรรม 



ต่อมาท่านโดเก็น (.. 1200 - 1253) ได้นำแนวคิดจากสายเฉาต้ง มาเผยแพร่ เรียกว่า นิกาย โซโตเซ็น” (Sōtō Zen) สำนักนี้เน้นที่การปฏิบัติซาเซ็น (Zazen) หรือ การทำสมาธิเป็นสำคัญ 

ทั้งนี้เพื่อพัฒนาความสงบและมั่นคงแห่งจิตไปสู่การรู้แจ้ง คำสอนของสำนักโซโตเซ็นจะเน้นว่า การปฏิบัติธรรมกับผลที่ได้จากการปฏิบัติธรรมเป็นหนึ่งเดียวกัน โดยที่การปฏิบัติธรรมมิใช่วิธี สู่การบรรลุเป้าหมายบางอย่างภายนอก แต่ประสบการณ์ที่แท้ในการปฏิบัติธรรมนั้นเอง คือ การบรรลุธรรม