User-agent: * Allow: / นิทานเซน Zentale

วันพุธที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ผู้เดินทางแห่งกาลเวลา

ช่วงนี้เจ้าของบล็อคไม่ได้นั่งเขียนอะไรเองเท่าไหร่เลยนะคะ เพราะว่าคีย์บอร์ดโน๊ตบุ๊คนั้นพิมพ์ยากมาก และจะต้องบอกเพิ่มเติมอีกว่า นิ้วหัวแม่โป้งขวามือโดนตัวเองเฉือน ขาดไปซะครึ่งหนึ่ง ทำให้สภาวะตอนนี้ ไม่ได้ต่างอะไรกับลิง ที่ไม่สามารถกำ หรือ จับอะไรได้เหมือนกับคนทั่วไป



และต้องบอกว่า นั่นคือสาเหตุและเหตุผลหลักที่ทำให้อารมณ์ต่างๆในการรวบรวมข้อมูลที่จะเขียนยิ่งยากไปอีก

วันนี้อาจจะดูเหมือนไม่เกี่ยวกับเซน แต่จริงๆแล้ว เจ้าของบล็อคคิดว่า นี่หละ เซ็น ถึงแม้ว่าอาจจะดูเหมือนคิดเองเออเอง แต่นี่ทำให้การคิดตระหนักว่าตัวเองเป็นเซ็น Zen อะไรเนี่ย ยิ่งล้ำลึก ฟุ้งซ่านมากขึ้นไปอีก

เป็นบทแปลที่มาจากหนังสือการ์ตูนเรื่องโปรด โดราเอมอน ฉบับที่แปลโดยสำนักพิมพ์เนชันเท่านั้นนะ สำเนักพิมพ์อื่นไ่ม่เห็นว่ามีกลอนแบบนี้อยู่ เป็นโดราเอมอนตอนยาว ฉบับไหนก็ไม่แน่ใจ แต่ว่า เจ้าของบล็อคโปรดปรานมาก ถึงกับไปลอกไว้ในสมุดเรียนน่าจะสมัยเรียนม.3 นานมาแล้ววววว

Doraemon picture take from http://en.wikipedia.org/wiki/Doraemon

"ผู้เดินทางในกาลเวลา

เอนตัวลง ท่ามกลางหญ้าเขียวขจี
หนุนฝ่ามือ นอนสักนิด ดีกว่ามีชีวิตอย่างรีบร้อนไปใย
ใต้แผ่นฟ้าที่เงียบสงัดแบบนี้ หมู่เมฆที่ไหลไปตามกระแสลม บ่นพึมพำเรื่องราวสมัยก่อน แล้วย้อนผ่านเลยไป

พระอาทิตย์ยังคงส่องแสง ตั้งแต่ร้อยล้านปีก่อน ฟ้าก็เป็นสีครามเหมือนกับวันนี้
เบื้องหน้าดวงตะวันที่กำลังจมลงทะเล

ฉันรู้สึกอยากจะมีจิตใจที่อ่อนโยน หัวใจเจ้าเอย จงสงบเงียบ



ใกล้ๆดวงตะวันยามเย็นสะท้อนแสง คลื่นแรงระลอกเข้ามาใกล้
จากทะเลลึกออกไป นำพาความทรงจำครั้งก่อนสาดซัดเข้ามา

ใครบางคนก็เคยนั่งอยู่ตั้งแต่เมื่อหมื่นปีก่อน ที่ริมหาดทรายสีขาวเหมื่อนอย่างเธอตอนนี้

ฝนก็เคยโปรยปรายตั้งแต่เมื่อสองพันปีก่อน ใครบางคนก็เคยเปียกปอน เหมือนอย่างฉันตอนนี้

ฝนก็เคยโปรยปรายตั้งแต่เมื่อสองพันปีก่อน ใครบางคนก็เคยเปียกปอนเหมือนอย่างฉันตอนนี้"



พอถอดเป็นภาษาไทย ดูไม่ออกเลยว่าเป็นกลอน จะต้องเรียกว่า กลอนเปล่า แต่เจ้าของบล็อคมั่นใจอย่างมาก ว่าจะต้องเป็นกลอนที่ไพเราะ และลึกซึ่งกินใจเป็นอย่างยิ่ง

ถ้าตามความเ้ข้าใจของตัวเองก็คงจะต้องพูดว่า นี่เป็นการบอกถึงการพยายามหวนคิด ถึงเรื่องราวที่ทุกข์ทนของชีวิตที่เร่งรีบ และร้อนรนในกาลเวลาแห่งปัจจุบัน

การมีชีวิตอยู่ในกระแสแห่งสังคมของความเร่งรีบ ความทันใจ ยุคสมัยที่ทุกอย่างสามารถสั่งถึงด้วยปลายนิ้ว นับ 1 2 3 แล้วสิ่งที่เราต้องการก็มาอยู่ในกำมือได้ทันทีอย่างไำม่มีความล่าช้า




จนทำให้เรากลายเป็นคนที่ไม่รู้จักรอ ไร้ความอดทน เรากลายเป็นคนแบบนั้นไปแล้ว รู้ตัวกันบ้างหรือเปล่า

แค่รอเติมแก๊สที่ปั๊มแก๊สสักสามสิบนาที เพราะว่าตอนนี้ในจังวัดมีปั๊มแก๊ส ngv อยู่แค่เจ้าเดียว ก็ถึงกับต้องบ่นพึมพำออกมาอย่างไมชวนให้ฟัง โดยที่คนที่ำได้ยินคือคนที่นั่งอยู่ข้างๆรถคันที่ตัวเองนั่งนั้น ไม่ใ่ช่ใคร

แค่รอคิวกดเงินก็วุ่นวายใจ ปากพึมพำก่นด่า คนข้างหน้าที่เงอะงะไม่รู้ความ

แค่รอให้ใครบางคนใช้ทางข้าม ก็บีบแตรไล่

แค่รอลูกอาบน้ำแต่งตัว ก็โมโหด่า หาว่าไม่รู้จักเตรียมตัว ให้รีบๆ

ถามว่าชีวิตแบบนี้ มีความสุขมากไหม

ได้่ด่าแล้วสบายใจขึ้นมามากหรือเปล่า



แล้วถ้าเปลีย่นจากคนด่า มาเป็นคนถูกด่าแล้ว คุณยังรู้สึกดีเหมือนเดิมไหม

ไม่มีใครอยากถูกด่าหรอกนะ แล้วก็ไม่มีใครอยากโดนโมโหด้วย

หัดมองในมุมต่างซะบ้าง

ถ้าคุณเป็นคนเชื่องช้าซะเอง ไม่ใช่ตั้งใจจะให้ช้า แต่เห็นว่าไม่จำเป็นจะต้องรีบ เพราะค่อยๆทำก็ทำได้ คุณจะรู้สึกยังไง

ที่มีคนบ่นว่าคุณช้า อยู่ทุกสองวินาที

ไม่มีใครไม่เคยต้องอดทนหรอกนะ ทุกคนต่างก็ต้องรอ ไม่จำเป็นจะต้องเป็นเมื่อสองพันปีก่อน เหมือนอย่างในกลอนนี้ก็ได้ แค่คิดถึงสมัยคุณยังเป็นเด็กอยู่ ว่าคุณต้องรอนานแค่ไหน แค่ความสะดวกสบายในปัจจุบัน ทำให้คุณกลายเป็นคนที่คอยตำหนิผู้อื่นอยู่ตลอดเวลา

แต่ถ้าผู้อื่นต้องรอคุณ คุณกลับเห็นว่านั่นคือการรอที่มีคุณค่า เป็นผู้ใหญ่นี่นะ ทำอะไรก็ถูกต้องเสมอ