User-agent: * Allow: / นิทานเซน Zentale

วันศุกร์ที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2554

ประตู


ก่อนอื่นต้องกล่าวทักทายสวัสดีปีใหม่กับทุกคนก่อนนะคะ ถึงแม้ว่าวันนี้จะเป็นวันที่ 29 มกราคม 2554 แล้วก็ตาม อาจจะช้าไปนิด แต่การเริ่มต้นทักทายใครๆ หรือทำความรู้จักและส่งความหวังดีกับใครสักคน ไม่น่าจะมีคำว่า สาย เพราะว่า ความหวังดี ก็คือความหวังดี เพียงแค่ส่งไป จะช้าหรือเร็ว ก็คงยังเป็นความหวังดีอยู่เหมือนเดิม (แล้วเป็นแบบนั้นจริงๆหรือเปล่า)

ทุกวันนี้ที่ผู้เขียนบล็อค ประสบอยู่ คือ มีความลำบากยากแค้นในการใช้ชีวิต ความลำบากที่ว่า เกิดมาจาก การเงิน เพราะว่าก่อนหน้านี้ เจ้าของบล็อค ค่อนข้างจะใช้เงินได้ สนุกสนานมาก จนบางทีก็ มากเกินไป แต่แล้วด้วยเหตุบางประการ จึงได้ตัดสินใจออกมาผจญชีวิตนอกโลกบ้าง 



เพราะว่า เมื่อนับไปแล้ว คนเรามีชีวิตอยู่ได้ทั้งหมดเพียงแค่ สมมติว่า 100 ปี ฟังดูเหมือนมันช่างยาวนาน แต่คิดดูสิ กว่าจะได้กล่าวทักทายปีใหม่ ก็ผ่านไป1เดือนแล้ว บล็อคใหม่ก็ยังไม่ได้เขียนแล้วส่งขึ้นเซิร์ฟเวอร์ และถือกำเนิดขึ้นมาเลย ดังนั้น สิ่งที่ต้องมาฉุกคิดก็คือ เวลาช่างผ่านไปรวดเร็วเหลือเกิน ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เราได้ทำอะไรแล้วบ้าง

และเมื่อตอบคำถาม พบว่า สิ่งที่เจ้าของบล็อคได้ทำ คือ 
1.ไปโรงเรียน 
2.ไปมหาลัย 
3.ไปที่ทำงาน 
4. ไปนาเพื่อช่วยพ่อบ้างเป็นครั้งคราวและโอกาส 
5.ไปเดินช็อปปิ้งตามตลาดนัด
 6. นอน (กิจกรรมที่กินเวลาเกินครึ่งของชีวิตเจ้าของบล็อค เชื่อไหม ว่านอน กว่าวันละ 12 ชม จนบางครั้งคิดว่า ตัวเองจะต้องไปพบแพทย์ เพื่อบำบัดอาการนอนมากหรือไม่ แต่ก็พยายามคิดว่า นี่ไม่ใช่โรค และเมื่อเราคิดว่ามันไม่ใช่โรค มันก็ย่อมไม่ส่งผลต่อชีวิตเรา ยกเว้นว่าทำให้เรายากจน แต่ก็เอาเถอะ เวลานอนก็ไม่ได้ต้องกินข้าวสักหน่อย ถือว่า นอนอดข้าว ประทังชีวิตก็ได้ ถึงแม้ว่า หลังจากตื่นนอนแล้ว อาการหิวนั้น คือสิ่งแรกที่ได้สัมผัสหลังจากตื่น) 

พร่ำแต่เรื่องตัวเองมา ทั้งนั้นทั้งนี้ ก็เพื่อที่จะกล่าวว่า เวลาผ่านไปรวดเร็วนัก เคยถามตัวเองหรือยัง ว่า อยากจะทำอะไรบ้าง และสิ่งที่อยากทำนั้น ได้ทำบ้างหรือยัง และ คิดว่า ที่คิดว่าได้ทำและคุ้มค่าแล้วนั้น มันคุ้มค่าแล้วจริงๆหรือเปล่า

เคยอยากจะบอกรักใคร อยากจะกอดใคร เคยทำอย่างที่ใจคิดแล้วบ้างไหม เคยอยากจะนอนสัก3วันติดต่อกัน เคยทำแล้วหรือยัง สำหรับเจ้าของบล็อคนั้น สิ่งที่มุ่งหวังมากที่สุด คือต้องการให้คนที่บ้าน ไว้วางใจ และไม่ต้องเป็นห่วง และต้องการให้เชื่อมั่นว่า เจ้าของบล็อค สามารถดำรงชีวิตได้ และไม่จำเป็นต้องดำรงชีวิตอย่างไร้ความสุข หรือยากจนค่นแค้นแสนสาหัสแต่อย่างใดด้วย


ส่วนความมุ่งหวังอื่นนั้น ก็คือ อยากจะเป็นคนออกเงิน พาคุณพ่อกับคุณแม่ และคุณน้อง ไปเที่ยว แบบที่เที่ยวอย่างทัวร์ของคนมีเงินกับเขาบ้าง ไปแบบอยากจ่ายอะไรก็จ่าย  พาพ่อกับแม่ไปนวดสปาได้ทุกอาทิตย์ และมีโอกาสได้อยู่ดูแลใกล้ๆ เพื่อให้พ่อกับแม่ไม่เหงา เพราะมีตัวเกะกะนอนแผ่อืดอยู่ที่บ้านกับเค้าด้วย
แล้วอีกอย่างหนึ่งก็คือ อยากจบปริญญา ฮ่าๆ หวังว่า จะมีปริญญา เพื่อแสดงความเป็นบัณฑิตกับเขาบ้าง นี่ก็ใกล้เข้ามาแล้วเต็มที และหวังว่า จะมีโอกาสนั้น

วันนี้เจ้าของบล็อคตอบคำถามตัวเองได้แล้วว่า อยากได้ และอยากให้อะไร กับตัวเอง และกับผู้อื่น คุณผู้อ่านละคะ ตอบได้ไหม ว่าอยากได้อะไร 

หาคำตอบ และสิ1งที่อยากทำ เพื่อตัวเอง และเพื่อผู้อื่น แล้วรีบลงมือทำเสียวันนี้ ก่อนที่ สิ่งที่เราิคิดว่ามีค่ามามายนั้น จะไม่มีคุณค่าหลงเหลืออยู่เลยนะคะ 

อยากให้โลกนี้ มีแต่คนมีความสุข ถึงแม้ว่ามันจะเป็นฝันที่มากมายจนเกินไป แต่ว่า อย่างน้อย เราซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโลกนี้ หากสามารถทำตนให้มีความสุขได้ อย่างน้อย โลกนี้ ก็มีเรา ที่มีความสุขคนหนึ่งแล้ว

 อ้อ..ความสุขของเรา จะต้องไม่ไปเบียดเบียนใครเขานะคะ สิง่ที่สำคัญที่สุดของการเป็นมนุษย์ ก็คือการมีคุณค่าของการเป็นมนุษย์อย่างสมบูรณ์ อย่ามองว่าคนอื่นเขาไร้ค่า ด้อยกว่า เพราะว่าเกิดมา เราทุกคนไม่ได้เลือกที่จะเกิดแบบนั้นๆที่ต้องการได้ คนเราเลือกไม่ได้ ดังนั้น หากอยู่ในสถานะที่ดูเหมือนว่าตนเองสูงกว่า ก็จงมีความสุขกับตนเองให้พอ แล้วเผื่อแผ่ความสุขเหล่านั้นไปให้ผู้ที่เราคิดว่า ด้อยกว่า แล้วเราจะรู้ว่า ความสุขของการให้ ในสิ่งที่เขาต้องการ ณ ขณะที่เขาต้องการนั้น มันทำให้เรามีความสุขมากเพียงใด

นิทานเซ็นเรื่องนี้ Zen หรือ เซน ก็มาแบบไปเร็ว จบเร็ว แต่ลึกซึ้ง และเจ็บปวดเหมือนเดิมเลยนะคะ  มาอ่านดูกัน เป็นเรื่องของพระราชา กับผู้ต้องการขอความช่วยเหลือ 


นิทานเซ็นเรื่องประตู




ด้านหนึ่งของวังยื่นออกหากองขยะ บนกำแพงวังมีแนวเส้นกรอบประตู แลเห็นได้เพียงจางๆ
มีเรื่องเล่าสืบกันมาว่า พระราชาจะเสด็จมาประทับยืนที่ด้านหลังประตูนี้ปีละครั้ง ถ้าชาวเมืองคนใดขอเข้าไปข้างในวัง พระราชาจะยอมให้เข้าไป แต่ข่าวลือไม่แจ้งด้วยว่า หลังจากเข้าไปแล้ว พระราชาทรงทำอย่างไร
พ่อค้าคนหนึ่งถูกอำมาตย์กล่าวหาโดยไม่เป็นธรรม แต่พ่อค้าไม่มีพยานหลักฐานที่จะแก้คดีของเขา เขาจึงยอมสละทรัพย์สินทั้งหมด แล้วมายืนที่ข้างหน้ากรอบประตูวัง ซึ่งแลเห็นเพียงรอยเส้นจางๆ เขายืนอยู่เช่นนี้ตลอดวันตลอดคืน ปากก็ร้องขอเข้าไปในวังทุกๆ ชั่วโมง ด้วยความหวังว่า พระราชาจะเสด็จมาประทับยืนอยู่ข้างหลังประตูนั้น


ในระยะแรก พ่อค้าได้รับความลำบากแทบสิ้นชีวิต 

ต่อมา ชายคนหนึ่งที่ขี่ม้าผ่านไปได้โยนเสื้อคลุมเก่าๆทำด้วยฟาง ให้เขาใช้คลุมกาย
ขอทานคนหนึ่งนำเศษอาหารมาให้เขากินพอประทังชีวิต

ชาวเมืองรู้ข่าวเรื่องนี้ ก็มายืนดูพ่อค้าหน้าประตูวัง บางคนหัวเราะ แต่หลายคนรู้สึกประทับใจในการที่พ่อค้ายอมอุทิศทุกอย่างเพื่อแลกกับความยุติธรรม

ในไม่ช้า ก็มีคนมาตั้งแผงลอย วางน้ำดื่มสำหรับคนที่มาดูพ่อค้าคนนี้ 
ผู้ที่นึกนิยมในจิตใจของพ่อค้าก็สร้างกระต๊อบให้เขา
 ต่อมา ก็มีคนสร้างบ้านหลังใหญ่ให้

หลายคนมารับใช้เขา 
ทุกคนเห็นว่า เขาคือสัญลักษณ์แห่งความเที่ยงธรรม 
ใครต่อใครพากันนำคดีความมาให้พ่อค้าตัดสิน แทนที่จะไปหาผู้พิพากษาที่ศาล เพราะทุกคนเชื่อว่า การตัดสินใจของพ่อค้าสุจริตยุติธรรม และฉลาด
คืนหนึ่งในเวลาเที่ยงคืน มีแสงสว่างลอดออกมาจากกำแพงวัง และเสียงแผ่วๆ พูดว่า
"เข้ามาได้!"

พ่อค้าเหลียวไปมอง และเห็นกลุ่มคนที่กำลังนอนหลับสนิท คนเหล่านี้มารอความช่วยเหลือของเขาในวันพรุ่งนี้ 
เขาจึงก้มลงถวายคำนับทางที่มาของเสียงนั้น แล้วกลับไปยืนข้างหน้าประตูวังตามเดิม