User-agent: * Allow: / นิทานเซน Zentale

วันจันทร์ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ไม่มีน้ำในพระจันทร์

ไม่มีน้ำไม่มีพระจันทร์
โพสท์ในเวบพันทิป ห้องศาสนา โดยคุณ : ZKEI - [ 20 พ.ค. 48]
แม่ชีจิโยโน ศึกษาเซ็นจากท่านบักโก แห่งสำนักเองคากุเป็นเวลานาน
แต่ไม่สามารถบรรลุผลแห่งสมาธิภาวนาเลย


ในที่สุด ณ คืนวันเพ็ญคืนหนึ่ง ขณะเธอกำลังหาบถังน้ำเก่า
ที่ดามด้วยซี่ไม้ไผ่ ไม้ดามหัก ก้นถังทะลุหลุดจากตัวถัง
ทันใดนั้น เธอก็เป็นอิสระ (จากกิเลส)


เธอเขียนกลอนไว้เป็นที่ระลึกบทหนึ่งว่า
ฉันพยายามทุกวิถีทาง ที่จะรักษาถังน้ำเก่าๆ ใบหนึ่ง
เพราะไม้ท่อนนี้เปราะ ใกล้หักเต็มที
ในที่สุด ก้นถังก็ทะลุ
ไม่มีน้ำในถังอีกแล้ว
ไม่มีพระจันทร์ในน้ำอีกแล้ว



วันนี้เอานิทานมาขึ้นก่อน ก่อนจะเล่าเรื่องราว เพื่อเทียบและอ้างอิงไปกับนิทาน ตามความเข้าใจแบบส่วนตัวที่สุด อาจไม่มีหลักการใดๆ มีแต่การทำไปเพราะว่าอยากทำ และคิดว่าคนแบบเรานี้ อาจจะประสบความสำเร็จ(ร่ำรวย)ได้ยาก แต่ถ้าถามตอนนี้ละก็สบายใจเป็นที่สุด 

ความสำเร็จที่ทุกคนอยากจะประสบคืออะไรกัน อยากให้ทุกคนลองถามตัวเองดูกันบ้าง ถามใจตัวเอง มองใจตัวเอง มองเข้าไปทำความเข้าใจกับตัวตนที่เป็นอยู่ของตนเองแล้วจะได้รู้ใจตัวเองว่า ความสำเร็จที่ต้องการคืออะไร อย่ามองออกแต่ข้างนอก มันจะยิ่งทำให้เกิดทุกข์ อยู่กับตัวเอง เข้าใจตัวเอง และรักตัวเอง เมื่อความรักที่มีต่อตัวเองมีมากพอ มันจะเผื่อแผ่ไปต่อคนที่อยู่รอบๆเราในสังคมเอง

ในฐานะที่เขียนบล็อคนี้ขึ้นมาเอง ก็จะบอกกับตัวเองเอาไว้ว่า เราเคยตั้งเป้าหมายในชีวิตเอาไว้สูงส่ง สูงส่งในที่นี้คือการมองจากมุมมองของสังคม ของค่านิยมในตลาด ซึ่งไม่รู้ว่าถูกหรือผิดหรือไม่อย่างไร แต่เราคิดเอาเองว่าดี เราต้องการที่จะเป็นคนสวย รวย เก่ง ซึ่งมันไม่ใช่ตัวเรา และไม่้มีคุณสมบัติเหล่านี้อยู่ในตัวของเราเลยแม้แต่น้อย


เมื่ออยากจะเป็นแต่ว่าเป็นไปไม่ได้ ความอยากนั้นก่อให้เกิดความทุกข์ขึ้นมาภายในใจของเราอย่างที่เรียกว่า ทำให้ทรมานทั้งกายและใจ เท่านั้นยังไม่พอ บุคคลซึ่งรักเรา ยังต้องทรมาน ทำให้ท่านทั้งสองคนไม่สบาย ท่านต้องอาย จนเรากลัว ว่าเราจะใช้กรรมเหล่้านี้หมดไปชาติไหน 

แต่ถึงอย่างไรแล้ว ตอนนี้ ชีวิตเราดีขึ้นมาก (ในสายตาเราเอง คนอื่นเราก็คงไม่รู้) มีบ้านอยู่ มีเงินพอใช้อย่างประหยัด เรามีหนทางและความหวังรวมถึงความมั่นใจในศักยภาพของเราในการทำมาหากินรวมทั้งปกป้องชีวิตของเราที่ไม่รู้ว่าจะอีกยาวนานแค่ไหน แต่ความมั่นใจของเรา คงไม่หมดไปง่ายๆ และเราคิดว่า ความมั่นใจนี้ มันจะเป็นแรงทำให้เราสามารถฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆที่เกิดขึ้นได้ และทำให้เราสามารถใช้ชีวิตที่เหลือนั้นได้ในสังคม

ทั้งหมดนี้ เราคิดว่า เราประสบความสำเร็จในระดับหนึ่งแล้ว หลายคนอาจหัวเราะเยาะว่า ไร้สาระ เหมือนกับว่า มองว่าเราล้มเหลวไปทุกอย่าง แต่เชื่อไหม ถึงพวกคนเหล่านั้นจะสั่นคลอนความมั่นใจของเราได้บ้าง แต่เราคิดว่า มันจะไม่มีวันหมดไป วันนี้สิ่งที่เราต้องการ และคิดว่าต้องทำให้มันเกิดขึ้น คือการรักษาและดูแลตัวเองให้ดีที่สุด เพื่อให้การดำรงอยู่ของเราในอนาคต และปัจจุบัน มีความสุขที่สุด

 และความสุขของเรา จะต้องไม่ไปทำให้ใครเดือดร้อน ความสุขที่สุดของเรา จะเกิดขึ้นเสมอ เมื่อเราพบว่า เราทำได้ และเราทำแล้วมีความสุข ไม่ใช่อดทนกลั้นใจทำ แบบนั้น เรายอมอยู่เฉย ไม่ทำอะไรเลย แบบคนไร้สาระ (ไม่ต่างอะไรกับทุกวันนี้เท่าไหร่นัก ดูๆไปแล้ว) เอาเหอะ ก็ชั้นว่าดี เซ็น Zen เซน บอกว่าดี แหะๆ เอาตัวเองว่าเป็นเซน ไปแล้ว 



แต่กระนั้น เมื่อมองเปรียบเทียบในนิทาน แม่ชีเซน ที่ได้หลุดพ้นจากกิเลส บรรลุธรรมเมื่อถังไม้พังนั้น และยังได้กล่าวว่า ไม่มีพระจันทร์ในน้ำอีกแล้ว จากตรงนี้ เราคงคิดว่า เราทำไม่ได้แบบแม่ชี เราไม่เคยบรรลุ แต่เราคิดว่า เราเข้าใจตัวเรามากขึ้น

ตามความเข้าใจในนิทานเซนเรื่องนี้นั้น แม่ชีเซนได้บรรลุธรรม เพราะว่าถังน้ำที่ผุพังที่ตนเฝ้ารักษาและดูแลเพื่อใช้ประโยชน์ในการหาบน้ำนั้น ได้ผุพังลงแล้ว 
แต่ถ้าเป็นแค่นั้น คงยังไม่เพียงพอสำหรับเซน เซนมีอะไรที่ลึกซึ้งกว่านั้น (ผู้เขียนคิดเอาเอง) ในนิทานยังได้กล่าวถึงพระจันทร์ที่อยู่ในถังนั้น ที๋ได้หายไปพร้อมกัน กับถังน้ำที่แตกนั้น ซึ่งสำหรับตัวผู้เขียนนั้น คิดว่า ตรงนี้ น่าจะเป็นสิ่งที่ทำให้แม่ชีบรรลุมากกว่า 


ในสมัยก่อน เมื่อครั้งยังไม่มีไฟฟ้า กลางคืนที่มืดมิด และอากาศค่อนข้างเยือกเย็น จะมีเพียงพระจันทร์เท่านั้น ที่คอยส่องแสงสว่าง ให้ทางและความรื่นรมณ์ของคนในยุคนั้น อาจจะมีคนเถียงว่า แค่พระจันทร์ จะสร้างความรื่นรมย์ได้ยังไง ถ้าคิดแบบนี้ คงต้องลองขังตัวเองในห้องมืด โดยที่ไม่ต้องนอนหลับ ขังตัวเองเอาไว้ เป็นเวลานานสัก 2ชั่วโมง โดยที่ไม่สามารถจะหลับได้ แล้วลองออกมาตอบว่า มีความรู้สึกอย่างไรในห้องที่มิดมิดนั้น 



ถ้าตอบว่า รู้สึกดี ก็ให้เลิกอ่านบล็อคนี้ต่อไป แต่จะเข้ามาดูหัวข้ออื่นต่อก็ได้ ไม่ว่ากัน เพราะโดยส่วนตัวแล้ว การอยู่คนเดียวในที่มิืดมิด ไม่ทำให้ใจรู้สึกสบายเลยแม้แต่น้อย 
หายใจไม่ออก ม่านตาขยายเพื่อรับแสงเข้ามาให้มากที่สุด จะเกิดอาการปวดหัว หายใจไม่ทั่วท้อง และเหมือนว่า ถูกตัดขาดจากโลกไปแล้ว


พระจันทร์จึงมีคุณค่า เปรียบเสมือนกับแสงสว่างในยามมืดมิด และแสงจันทร์นั้น เราสามารถเพ่งมองไปได้ตรงๆ ไม่เหมือนกับดวงอาทิตย์ ที่ถ้ามองตรงๆ ก็คงมองได้ครั้งเดียว จากนั้นอาจจะต้องไปรื่นรมณ์กับโลกมืดตลอดกาล

พระจันทร์จึงไม่มีเพียงความหมายถึงแสงสว่างเท่านั้น แต่ยังคงรวมถึงความงามที่สัมผัสได้ด้วยตา แต่ไม่อาจจับต้อง เนื่องจากอยู่สูงเกินจะไขว่คว้า


เปรียบกับทุกวันนี้เมื่อเทียบเคียงกับสังคมมนุษย์ ก็คงเหมือนสาวๆทั่วไป ที่อิจฉาดารา หรือคนรอบข้าง เพราะว่าเขาสวย รวย มีโอกาส และสมบูรณ์พร้อมได้มากกว่าตน
และแม้ว่าจะพยายามดิ้นรนมากมายสักแค่ไหน ก็ไม่สามารถไปถึงจุดที่ตนต้องการได้อยู่ดี เพราะว่าอะไร เพราะว่า เราไม่ใช่เขา ที่ตัวเราอิจฉานั่นสิ

หากยังทำถังน้ำใบนั้นให้แตกไม่ได้ ก็แค่ลองเทน้ำที่อยู่ในถังออกให้หมดเสียก่อน จะได้ไม่ต้องทนแบกน้ำนั้น อย่างน้อยมันก็เบาขึ้น แล้วเก่งกาจขึ้นมาเมื่อไหร่ หรือเวลาผ่านไป ถังไม้นั้น ก็จะผุพังไปกาลเวลา แล้วความสุขก็น่าจะเกิดขึ้นตามมาเอง
ผิดพลาดประการใด ผู้เขียนบล็อคต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้เป็นอย่างมากเลยนะคะ แต่อยากให้ทุกคน รักและเอาใจใส่ตัวเองให้มากๆ ให้ใช้ชีวิตอยู่ในโลกปัจจุบันอย่างมีความสุข อย่ามัววิ่งตามคนอื่น พอใจในสิ่งที่เป็น ทำอะไรได้ไม่เดือดร้อน ให้ตัดสินใจทำได้แล้ว ไม่ต้องรีรอ ไม่ก่อประโยชน์อะไร แต่การกระทำใดๆ ไม่ควรให้ร่างกาย ต้องแบกภาระที่หนักอึ้ง มากขึ้นกว่าเดิม

ขอบคุณค่ะ