User-agent: * Allow: / พระเซนถ่มน้ำลายใส่พระพุทธรูป

วันพุธที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2553

พระเซนถ่มน้ำลายใส่พระพุทธรูป



จากกระทู้ข้างต้นในเว็บบอร์ดพลังจิต ขอยกข้อความมาดังนี้ค่ะ

อ่านแล้วรู้สึกว่ากินใจมากๆ

จนต้องเอามาเตือนตนเองที่บล็อคนี้
เรื่องในกระทู้มาจาก ข่าวที่ว่า พระเซนถ่มน้ำลายใส่พระพุทธรูปค่ะ และในความที่เป็นเรื่องของเซนแล้ว ให้ถือว่า ทุกอย่าง คือความว่างเปล่า การกระทำใดๆ ก็เพื่อตัดจิตที่ผูกพันให้ตนเองมีชีวิตอยู่ในวังวนของการเกิด แก เจ็บ ตาย จึงไม่น่าจะถือว่า เป็นความผิด

ส่วนคุณ namaste  ได้ให้แนวคิดที่น่าสนใจไว้ดังนี้

หากทำด้วยเจตนา ย่อมไม่เรียกว่าถมใส่ความว่างเปล่า


หากไม่เข้าใจความว่างเปล่า
โปรดอย่าตีความหรือแอบอ้างความว่างเปล่า
เพราะนั่นคือการปรุงแต่ง
......................................................................................
เซนไม่เคยเถียงกับพุทธ พุทธไม่เคยเถียงกับเซน
เซนไม่เคยเรียกร้องเป็นพุทธ พุทธเองก็ไม่เคยบอกว่าเซนไม่ใช่พุทธะ
เซนไม่พูด พุทธไม่บอก
มีแต่คนเอามาพูด เอาเถียงกัน คนที่เถียงนั้นคือพุทธเหรอ เซนเหรอ ไม่ใช่สักคน

จะเซนหรือพุทธ ก็เป็นสมมติบัญญัติ ปรมัตินั้นอยู่ที่จิตใจ

หากเข้าถึงพุทธะ ก็เข้าถึงเซน

ยังไม่เคยเข้าสักนิด เถียงกันไปก็เปล่าประโยชน์

มีแต่คนที่ยึดว่าตัวเองเป็นเซน มีแต่คนที่ยึดว่าตัวเองเป็นพุทธ
แล้วก็มาเป็นเดือดเป็นร้อนเพราะคำว่าเซน คำว่าพุทธ

ทุ่มเถียงทะเลาะกัน ละเลยลืมดูกายใจตน

แล้วก็มาบอกว่านับถือพุทธหมดหัวใจ

ที่มา : http://board.palungjit.com/




จากตรงนี้เป็นต้นไปเป็นเรื่องที่เจ้าของบล็อคเขียนเองนะคะ ผิดถูกประการใด ขอน้อมรับทุกคำติชมค่ะ

เรื่องของเซน บางครั้งก็ยากแก่การเข้าถึง เพราะเซน ไม่มีคำสอนที่เป็นพระสูตรที่ตายตัว ไม่มีหลักเกณฑ์ใดๆในการปฏิบัติ และเซน ยังไม่มีการบอกออกมาเป็นสูตรว่า ทำแบบใดจึงถูก หรือทำแบบใดจึงจะผิด เหมือนอย่างที่นิทานเรื่องก่อนๆ ที่เคยได้เล่าให้ฟัง(หรืออ่าน)ในบล็อคเก่าๆแล้ว เมื่อพระเซนรูปหนึ่งได้ให้ลูกศิษย์ทั้งหลาย อธิบายว่า เซนคืออะไร จากนิทานเรื่อง เซนเนื้อ เซนกระดูก ของท่านพุทธทาส



คำตอบที่แท้จริงในนิทานที่ถูกยกย่องว่า เข้าถึงเซนแบบรู้ลึกถึงขั้นซึมเข้าไปในกระดูกเลย คือการไม่ตอบหรืออธิบายคำพูดใดๆออกมาเลย แล้วยังกัดปาก เม้มฟันเสียแน่น เพื่อไม่ให้เกิดคำพูดใดๆหลุดออกมา

ซึ่งโดยที่จริงแล้ว การแสดงเช่นนี้ หากตีความในความหมายเชิงสัญลักษณ์ คงกล่าวได้ว่า เซน คือการไม่พูด ไม่อธิบาย ว่างเปล่า ไม่มีอะไรหลงเหลือ ซึ่ง สิ่งเหล่านี้ถามว่าจะสามารถเกิดขึ้นได้ในชีวิตจริงหรือไม่ และ เซน ที่ว่านี้ สามารถทำให้เราดำรงชีวิตอยู่อย่างปกติสุข และมีความสุขในโลกนี้ได้หรือไม่

หากเราเป็นนักเรียน เมื่อจบการเรียนการสอนในแต่ละรายวิชาแล้ว ย่อมจะต้องมีการทดสอบความรู้ที่เกิดขึ้น ว่า ได้รับความรู้ความเข้าใจไปได้ในระดับใด และผลการวัดเหล่านั้น สามารถแสดงออกมาได้ในรูปแบบของคะแนน พร้อมกับการจัดลำดับชั้นของคะแนนที่ได้รับว่า ดี ดีมาก ปานกลาง และอ่อน จนถึงขั้น ไม่รู้เรื่องอะไรเลย ต้องปรับปรุง หรือที่เรียกกันให้ช้ำใจว่าสอบตกนี่เอง

ในทางโลกนั้น หากเราสอบตก ไม่ผ่านเกณฑ์การประเมินแล้ว ก็จะต้องทำการเรียนกันใหม่ หรืออาจจะให้เวลาเพื่อทำการสอบใหม่อีกครั้ง เพื่อที่จะทำให้ได้เตรียมตัวใหม่ ให้สอบผ่านได้



แต่การประเมินสิ่งใดๆในทางธรรมนั้น เขาวัดกันอย่างไร

ในที่นี้ผู้เขียนขออนุญาตไม่กล่าวถึงพุทธศาสนาที่มีในไทย แต่จะกล่าวถึง เซน
เซนไม่มีหลักธรรมที่ชัดเจน ไม่มีแนวทางการปฏิบัติ แต่จะให้คิดและนึกขึ้นเอง ดังนั้น เมื่อเป็นเซนแล้ว โอกาสที่จะทำผิดก็ย่อมสูงขึ้น นั่นเพราะหลงว่า ตนเองได้ปฏิบัติในสิ่งที่ถูกต้องอันควร และบางราย อาจหลงเข้าไปจนถึงขั้นที่ว่า ตนเองได้บรรลุธรรมแล้ว

ยิ่งเขียนก็ยิ่งงง ตกลงแล้ว เซน ต้องการบอกอะไรแก่เรา หากไม่มีคำอธิบาย ไม่มีหลักการ มีแต่ความว่างเปล่า แล้ว สิ่งที่เซน ต้องการจะสอน หรือให้คนปฏิบัติคืออะไร

ถ้าหากถามผู้เขียนบล็อคในตอนนี้แล้ว ก็คงต้องบอกว่า เซนไม่ได้สอนอะไรเลย สิ่งที่เซนได้ให้แก่ผู้เขียนคือ การรู้จักนึก คิด และไตร่ตรอง ถึงเหตุผล และที่มาของเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น และสุดท้ายแล้ว เซน ได้สอนให้ผู้เขียน สามารถดำรงชีวิตอย่างมนุษย์ปกติได้ในทุกสถานการณ์





หากไม่มีเซน ผู้เขียนเอง อาจไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้เลยแม้สักเล็กน้อย ถึงมีเซน ก็ยังควบคุมอารมณ์ไม่อยู่และกลายเป็นนางมารไปได้บ่อยๆ แต่สิ่งที่เซนให้ผู้เขียนอยางที่คิดได้อย่างชัดเจนที่สุด คือ เซนสอนให้ผู้เขียน ยอมรับในสิ่งที่ตนเป็นอย่างแช่มชื่น

เซนสอนให้ผู้เขียนรู้ว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น หากเรายังมีร่างกายที่เข้มแข็ง มีจิตใจที่แข็งแรง เราก็จะยังสามารถดำรงชีวิตอยู่ต่อไปได้ ถึงแม้ว่าปริ่มจะล้มเหลวไปมากกว่านี้มาหลายครั้ง เซนก็ได้ช่วยดึงกลับมา ซึ่งสิ่งที่เซนได้ให้ผู้เขียนนั้น ไม่สามารถอธิบายออกมาได้ด้วยคำพูด หรือภาพใดๆ

เซนได้เข้ามาให้ความว่างเปล่า ที่เป็นความว่างเปล่าที่ไม่วังเวงหรือเงียบงัน แต่เป็นความว่างเปล่าที่สงบ และมีความสุข ความว่างเปล่าท่ทำให้คนๆหนึ่ง คิดว่าตนเองมีค่ามากพอ ที่จะมอบสิ่งดีๆให้ผู้อื่นได้

สุดท้ายแล้ว ก็ยังกล่าวสรุปไปไม่ได้ ว่าเซน คืออะไร แต่เซน สำหรับผู้เขียนแล้ว นี่เป็นสิ่งที่ดีในชีวิตทำให้ผู้เขียน แข็งแกร่งยิ้มสู้ได้มากกว่าเดิมในทุกวันนี้ หลังจากร้องให้อ่อนแอตลอดเวลา วันนี้ เซนทำให้เราคนหนึ่ง กลายเป็นผู้กล้าและแกร่งมากพอ ที่จะต่อสู้กับความจริง